นักแข่งรถสปอร์ต นักขับรถหรูที่ต้องมาสู้กันในสนามแข่ง

เป็นหนึ่งในหลายชนิดของรถแข่งที่มีการนำใช้เพื่อแข่งขันกัน สำหรับรถสปอร์ต หรู สวย สมรรถนะสูง ราคาแสนแพง ไม่ว่านักขับจะเป็นเจ้าของเองหรือไม่ แต่เมื่อรถสปอร์ตอยู่ในสนามแข่ง ช่างดูสง่างามโดดเด่น เสียงเครื่องยนต์แม้จะไม่ผ่านการปรับแต่งก็ทราบได้ว่าลูกสูบผ่านการออกแบบมาอย่างดี เสียงเครื่องที่อัดแน่น กำลังขับสูงที่กระชากรถจากหยุดนิ่งจนถึงความเร็วเกินกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาไม่กี่วินาที ทำให้รถสปอร์ตดูมีเสน่ห์เหลือเกิน รูปลักษณ์ที่ออกแบบมาตามหลักแอโรไดนามิคทำให้รถสปอร์ตเคลื่อนที่ได้ดีที่สุดเท่าที่เครื่องยนต์จะทำได้

เรื่องจริงเกี่ยวกับนักกีฬาแข่งรถสปอร์ตที่หลายคนอาจไม่รู้

ท่ามกลางสนามแข่ง นักกีฬาแข่งรถสปอร์ตขับทะยานฝ่าแซงคู่แข่งอย่างสง่างาม แต่เบื้องหลังนั้นมีสิ่งที่นักกีฬาเหล่านี้ต้องแบกรับไว้มากกว่าที่คุณคิดมากนัก เป็นเรื่องที่นักแข่งรถต้องยอมรับข้อด้อยตรงนี้ให้ได้ก่อนที่จะตัดสินใจก้าวเข้ามาเป็นนักขับรถสปอร์ต มาดูกันว่ามีเรื่องใดกันบ้าง

1.ค่าประกันรถที่แสนแพง หลายคนอาจพอทราบว่ารถสปอร์ตมีค่าประกันที่สุดแสนแพง ค่าประกันที่ต้องพิจารณากันถึงระดับขนาดของลูกสูบกันเลยทีเดียว รวมถึงแรงม้าของรถก็มีส่วนในการพิจารณาค่าประกันด้วย

2.ประกันชีวิตที่ไม่สามารถซื้อแบบคนทั่วไป ประเด็นนี้อาจไม่เกี่ยวกับความเป็นรถสปอร์ตโดยตรง แต่ก็มีส่วนเนื่องจากนักแข่งรถถือเป็นกีฬาผาดโผนที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่านักกีฬาประเภทอื่น จึงทำให้การทำประกันชีวิตจึงต้องมีความพิเศษกว่าและแพงกว่านั่นเอง

3.ความเสี่ยงต่อการสูญเสียรถ ความเสี่ยงนี้เกิดจากมูลค่าของรถสปอร์ตแม้จะใช้สำหรับกีฬาแข่งรถแต่เพราะเป็นรถสปอร์ตจึงทำให้เป็นที่หมายตาของเหล่ามิจฉาชีพ ที่มองหาจังหวะอยู่ตลอดเวลา

ความจริงที่นักแข่งต้องยอมรับ และอยู่กับมันให้ได้

แม้จะดูทรงพลัง น่าเกรงขาม ยามขับขี่ แต่นักขับก็ต้องยอมรับว่าเงื่อนไขต่าง ๆ ของการแข่งรถสปอร์ตทำให้นักกีฬาแข่งรถมีความเสี่ยงมากกว่า เพราะรถสปอร์ตมีความเสี่ยงต่อการถูกขโมยสูงกว่ารถทั่วไป การขับขี่ด้วยความเร็วสูงทำให้ค่าประกันอุบัติเหตุมีมูลค่าสูงตามความเสี่ยง เพราะมูลค่าของรถที่สูงทำให้ค่าประกันรถยนต์ก็มีมูลค่าสูงลิบลิ่วตามไปด้วยเช่นกัน ข้อด้อยเหล่านี้นักขับจำเป็นต้องทราบก่อนตัดสินใจเข้าแข่งขัน มีนักแข่งรถไม่น้อยที่เมื่อทราบข้อด้อยเหล่านี้แล้วก็ยอมถอยให้กับความเสี่ยง แต่นักกีฬาที่มีใจรักอีกไม่น้อยเช่นกันที่กัดฟันยอมแบกรับความเสี่ยงทุกอย่างไว้ เพื่อให้ได้สัมผัสกับความเร็ว แรง จากสมรรถนะสุดยอดของรถสปอร์ต นี่ยังไม่นับว่าหากเกิดอุบัติเหตุจากการแข่งขัน ด้วยความเร็วสูงราว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อาจทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสกลับมาขับได้อีก หรืออย่างแย่คืออาจไม่เหลือชีวิตเลยก็ได้ เมื่อยอมรับก็ต้องอยู่กับมันให้ได้จึงจะได้โลดแล่นบนสนามแข่ง หลังพวงมาลัยรถสปอร์ตได้อย่างภาคภูมิ